ในโลกของสงครามล้างผลาญ ไม่มีผิดถูก..
อุดมการณ์สุขสงบใช้ไม่ได้ มีเพียงความรุนแรง
ไม่มีศีลธรรมต่อฝั่งศัตรู หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา หรือเพื่อนเรา
เพราะอำนาจทางการทหารขึ้นอยู่กับผู้นำ
ผู้ฝ่าฝืนจะถือเป็นกบฏต่อกองทัพ และถูกลงโทษ
เราจะประมาทไม่ได้ แม้ศัตรูเป็นเด็ก ผู้หญิง หรือคนชรา
หากขลาดหรือเขลา เราจะเป็นฝ่ายพ่ายได้โดยง่าย
เหล่าทหารทุกคนคือส่วนหนึ่งของกองทัพ และสำคัญต่างกัน
ผู้ชนะเท่านั้นจะเหลือ และอยู่รอด
สุดท้ายแล้ว.. ย่อมมีผู้พลัดพรากและสูญเสีย
ผู้รอดชีวิตจะจดจำความเจ็บปวดกับการสูญเสียเพื่อนที่ร่วมรบไปจนตาย
มีบทสนทนาท่อนหนึ่งที่พลทหารบอยด์พูดกับจ่าคลอเรีย ขณะอยู่ในรถถัง พวกเขามีเพียงรถถัง Fury 1 คัน รอเผชิญกับกองทัพ IS ซึ่งเป็นกองทัพใหญ่ของศัตรู ที่กำลังยกแห่ขบวนเข้ามาจำนวนมาก
มันเป็นบทสนทนาที่น่าประทับใจ ซึ่งกล่าวอ้างอิงถึงคำในพระคำภีร์ไบเบิ้ล อิสยาห์บท 6
เขาพูดเพื่อปลุกความกล้าหาญในตัวเองและของทุกคน
พลางเปิดจุกวอสก้าดื่มฉลองเพื่อการสู้เฮือกสุดท้าย ที่ไม่รู้ว่าจะเหลือชีวิตรอดหรือสู้ไหวหรือไม่
"สิ่งที่เราทำมันถูกต้อง..
มีคำกล่าวในไบเบิ้ลฉันเคยคิดใคร่ครวญ หลายครั้งมาก มันบอกว่า
'แล้วข้าก็ได้ยินเสียงพระเจ้าตรัสว่าข้าจะส่งใครไป ใครเป็นตัวแทนเรา?'
และข้าตอบว่า 'ข้าอยู่นี่ ส่งข้าไป' "
เมื่อศัตรูเข้ามาถล่มยิงพวกเขา กระสุนถูกเข้าที่ไหล่ซ้ายของจ่าคลอเรีย เขาต้องห้ามเลือดเอาไว้ เขาพูดถึงอีกวรรคจากไบเบิ้ล
"ถ้ามนุษย์รักโลก ความรักพระบิดาไม่อยู่ในตัว มันอยู่ในโลกนี้
กิเลสจากเนื้อหนัง กิเลสในดวงตา
ชีวิตที่ภาคภูมิ ไม่ใช่จากพระบิดา แต่จากโลกนี้
โลกและกิเลสมีวันตาย
แต่ผู้ทำตามพระเจ้าอยู่ตลอดไป"
มันแสดงให้เห็นถึงการไม่ยึดติดกับชีวิตและร่างกาย
พร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น