วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากหนังเรื่อง Fury

ในโลกของสงครามล้างผลาญ ไม่มีผิดถูก..
อุดมการณ์สุขสงบใช้ไม่ได้ มีเพียงความรุนแรง 
ไม่มีศีลธรรมต่อฝั่งศัตรู หากเราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา หรือเพื่อนเรา

เพราะอำนาจทางการทหารขึ้นอยู่กับผู้นำ 
ผู้ฝ่าฝืนจะถือเป็นกบฏต่อกองทัพ และถูกลงโทษ

เราจะประมาทไม่ได้ แม้ศัตรูเป็นเด็ก ผู้หญิง หรือคนชรา
หากขลาดหรือเขลา เราจะเป็นฝ่ายพ่ายได้โดยง่าย
เหล่าทหารทุกคนคือส่วนหนึ่งของกองทัพ และสำคัญต่างกัน

ผู้ชนะเท่านั้นจะเหลือ และอยู่รอด 

สุดท้ายแล้ว.. ย่อมมีผู้พลัดพรากและสูญเสีย
ผู้รอดชีวิตจะจดจำความเจ็บปวดกับการสูญเสียเพื่อนที่ร่วมรบไปจนตาย



มีบทสนทนาท่อนหนึ่งที่พลทหารบอยด์พูดกับจ่าคลอเรีย ขณะอยู่ในรถถัง พวกเขามีเพียงรถถัง Fury 1 คัน รอเผชิญกับกองทัพ IS ซึ่งเป็นกองทัพใหญ่ของศัตรู ที่กำลังยกแห่ขบวนเข้ามาจำนวนมาก 
มันเป็นบทสนทนาที่น่าประทับใจ ซึ่งกล่าวอ้างอิงถึงคำในพระคำภีร์ไบเบิ้ล อิสยาห์บท 6 

เขาพูดเพื่อปลุกความกล้าหาญในตัวเองและของทุกคน
พลางเปิดจุกวอสก้าดื่มฉลองเพื่อการสู้เฮือกสุดท้าย ที่ไม่รู้ว่าจะเหลือชีวิตรอดหรือสู้ไหวหรือไม่

"สิ่งที่เราทำมันถูกต้อง.. 
มีคำกล่าวในไบเบิ้ลฉันเคยคิดใคร่ครวญ หลายครั้งมาก มันบอกว่า

'แล้วข้าก็ได้ยินเสียงพระเจ้าตรัสว่าข้าจะส่งใครไป ใครเป็นตัวแทนเรา?'

และข้าตอบว่า 'ข้าอยู่นี่ ส่งข้าไป' "




เมื่อศัตรูเข้ามาถล่มยิงพวกเขา กระสุนถูกเข้าที่ไหล่ซ้ายของจ่าคลอเรีย เขาต้องห้ามเลือดเอาไว้ เขาพูดถึงอีกวรรคจากไบเบิ้ล

"ถ้ามนุษย์รักโลก ความรักพระบิดาไม่อยู่ในตัว มันอยู่ในโลกนี้ 
กิเลสจากเนื้อหนัง กิเลสในดวงตา
ชีวิตที่ภาคภูมิ ไม่ใช่จากพระบิดา แต่จากโลกนี้
โลกและกิเลสมีวันตาย
แต่ผู้ทำตามพระเจ้าอยู่ตลอดไป"

มันแสดงให้เห็นถึงการไม่ยึดติดกับชีวิตและร่างกาย 
พร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น